1) Massachusetts Institute of Technology (MIT)
อันดับ 1 ได้แก่ Massachusetts Institute of Technology หรือที่รู้จักกันในชื่อของ MIT ปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ โดยที่นี่ให้ความสำคัญกับสายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์ โดยหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ของ MIT ก็จัดอยู่ในอันดับที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก อ้างอิงจาก U.S. News & World Report Best Colleges Rankings ประจำปี 2564 นอกจากนี้ MIT ยังเป็นที่รู้จักในด้านหลักสูตรการศึกษาที่เข้มข้นและงานวิจัยที่ก้าวล้ำ มีการสอนเรื่องวัฒนธรรมของผู้ประกอบการ โดยเน้นที่นวัตกรรมและการนำเทคโนโลยีไปใช้ในเชิงพาณิชย์ โดย MIT ก็มีแหล่งข้อมูลและทรัพยากรมากมายสำหรับผู้ที่มาศึกษา ไม่ว่าจะเป็น MIT Innovation Initiative และ MIT Startup Exchange นอกจากนี้เหล่าคณาจารย์และนักศึกษาก็อยู่ในระดับแนวหน้าในด้านนวัตกรรมและการค้นพบของโลก พูดได้เลยว่าต้องลองไปเรียนดูสักครั้ง
2 ) Stanford University
ตามมาติด ๆ อันดับที่ 2 Stanford University หรือมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ปัจจุบันตั้งอยู่ในสแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยที่นี่ก็เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงในด้านวิศวกรรมและวิทยาการคอมพิวเตอร์ ในส่วนของหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ก็อยู่ในอันดับที่ 3 ของประเทศจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของ U.S. News & World Report ปี 2564 นอกจากนี้มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดยังเป็นที่รู้จักว่าได้ผลิตศิษย์เก่าที่ได้กลายเป็นผู้นำในวงการอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจำนวนมาก รวมทั้งยังเป็นที่รู้จักในด้านการวิจัยแบบสหวิทยาการ โดยนักศึกษาของมหาวิทยาลัยก็ยังสามารถเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสในการมีส่วนร่วมในการวิจัยในหลากหลายสาขา นอกจากเรื่องของงานวิจัยแล้วที่นี่ยังมีกิจกรรมนอกหลักสูตรและองค์กรต่าง ๆ มากมายที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการและนวัตกรรมให้เข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็น Stanford Technology Ventures Program and Stanford Innovation และ Entrepreneurship Certificate Program นั้นเอง
3) California Institute of Technology (Caltech)
California Institute of Technology (Caltech) หรือสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย ปัจจุบันตั้งอยู่ในแพซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยขนาดเล็กที่เน้นวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ โดยหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ก็ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 4 ของประเทศจากการจัดอันดับวิทยาลัยที่ดีที่สุดของ U.S. News & World Report ปี 2564 ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านการเรื่องงานวิจัยในหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นดาราศาสตร์ ชีววิทยา เคมี วิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกรรม วัสดุศาสตร์ และฟิสิกส์ นอกจากนี้มหาวิทยาลัยก็ยังเป็นที่ตั้งของสถาบันและศูนย์วิจัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายแห่ง อาทิ ห้องปฏิบัติการ Jet Propulsion ซึ่งบริหารงานโดย Caltech สำหรับ NASA
4) University of California, Berkeley
อันดับที่สี่ ได้แก่ University of California, Berkeley หรือ UC Berkeley ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเบิร์กลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยของรัฐที่มีชื่อเสียงในด้านวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ซึ่งหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ของที่นี่ได้รับการจัดอันดับ 5 ในสหรัฐอเมริกา อ้างอิงจาก U.S. News & World Report ปี 2564 โดยหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ของที่นี่เป็นที่รู้จักในเรื่องของงานวิจัยและนวัตกรรม นอกจากนี้ UC Berkeley ยังตั้งอยู่ในบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียง ทำให้นักศึกษาของที่นี่สามารถเข้าถึงทรัพยากรและมีโอกาสในการมีส่วนร่วมในการวิจัยและนวัตกรรมที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็น Berkeley Innovation Group และ Berkeley Entrepreneurs Association โดยศูนย์วิจัยดัง ๆ ของที่นี่ก็ได้แก่ Lawrence Berkeley National Laboratory (LBNL) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยเรื่องระบบชีวภาพและวิศวกรรม และเทคโนโลยีและระบบพลังงานนั้นเอง
5) Carnegie Mellon University (CMU)
อันดับห้า Carnegie Mellon University หรือ CMU มหาวิทยาลัยวิจัยเอกชนที่ตั้งอยู่ในเมือง พิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดโดยอ้างอิงจาก U.S. News & World Report ประจำปี 2564 โดย CMU ก็อยู่ในอันดับที่ 10 ของประเทศในด้านหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งที่นี่ก็เป็นที่รู้จักในด้านความเป็นเลิศของงานวิจัย และทางมหาวิทยาลัยก็ตั้งอยู่ในเมือง พิตต์สเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่มีอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เฟื่องฟู นอกจากนี้ตัวหลักสูตรยังมีกิจกรรมและองค์กรอื่น ๆ มากมายให้กับนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ได้มีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นชมรมการออกแบบ หรือชมรมวิศวกรรม ทั้งนี้ CMU ยังให้ความสำคัญกับการเป็นผู้ประกอบการและนวัตกรรม โดยนักศึกษาสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลและทรัพยากรต่าง ๆ สำหรับการเป็นเจ้าของธุรกิจของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น Carnegie Mellon Entrepreneurship Academy หรือ Carnegie Mellon Technology Ventures Program บอกได้เลยว่าว่าห้ามพลาด
6) University of Michigan – Ann Arbor
อันดับต่อไป University of Michigan หรือที่รู้จักกันในชื่อของมหาวิทยาลัยมิชิแกน โดยปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยรัฐที่ตั้งอยู่ในเมืองแอนน์อาร์เบอร์ รัฐมิชิแกน เฉกเช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่นี่ก็ให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี คณิตศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งก็เป็นที่รู้จักกันว่ามหาวิทยาลัยมิชิแกนเป็นแหล่งการผลิตงานวิจัยเชิงนวัตกรรมในหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ วิทยาการหุ่นยนต์ วัสดุศาสตร์ ฯลฯ โดยที่นี่ก็สนับสนุนให้นักศึกษาเริ่มต้นการทำธุรกิจเป็นของตัวเองด้วยการให้แหล่งข้อมูลและทรัพยากรมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Michigan Engineering Zone หรือ the Michigan Engineering Ventures Program ในส่วนของนวัตกรรมที่มีชื่อเสียงจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็ไม่แพ้ที่ไหน อาทิ ระบบทำน้ำสะอาดด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar-powered water purification system) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ชุมชนที่ไม่มีไฟฟ้าหรือน้ำสะอาดเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
7) Georgia Institute of Technology
อันดับที่ 7 The Georgia Institute of Technology หรือ Georgia Tech มหาวิทยาลัยวิจัยของรัฐที่ตั้งอยู่ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย โดยวิทยาเขตหลักของที่นี่จะตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่าง ๆ และได้ทำกิจกรรมมากมาย โดย Georgia Tech ก็มีนักศึกษาระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษามากกว่า 25,000 คน ในส่วนของหลักสูตรวิศวกรรมที่นี่ไม่แพ้ที่อื่น เพราะมีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของงานวิจัยและนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง ยกตัวอย่างเช่น ระบบขนส่งอัจฉริยะ (Intelligent transportation systems) ระบบปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ (Human-robot interaction) และวิทยาการหุ่นยนต์สำหรับการดูแลสุขภาพ (Robotics for healthcare) โดยทางตัวหลักสูตรก็จะเน้นไปในเรื่องของนาโนอิเล็กทรอนิกส์ นาโนโฟโตนิกส์ การเก็บเกี่ยว และจัดเก็บพลังงาน บอกเลยว่าใครสนใจสายนี้ ต้องห้ามพลาด
8) The University of Illinois – Urbana-Champaign (UIUC)
อันดับที่ 8 The University of Illinois, Urbana-Champaign หรือ UIUC อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของงานวิจัยและเป็นที่รู้จักกันในด้านงานเชิงนวัตกรรมในหลากหลายสาขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาควิชาวิศกรรมศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งอัจฉริยะ (Intelligent transportation systems) อาทิ Traffic Management and Operations Laboratory (TMOL) หรือ Advanced Traffic Management System (ATMS) โดยในปัจจุบัน UIUC ก็ตั้งอยู่ประมาณ 140 ไมล์ทางใต้ของชิคาโก ภายในมหาวิทยาลัยก็มีศูนย์วิจัยสำหรับเป็นแหล่งข้อมูลให้กับนักศึกษาที่มาร่ำเรียน ยกตัวอย่างเช่น The Coordinated Science Laboratory (CSL) ซึ่งก่อตั้งเพื่อเน้นการศึกษาด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมไฟฟ้าคอมพิวเตอร์ รวมถึงวัสดุศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ด้วย
9) University of Texas – Austin
อันดับต่อไป University of Texas – Austin หรือมหาวิทยาลัยเท็กซัส ปัจจุบันตั้งอยู่ใจกลางเมืองออสติน รัฐเท็กซัส โดยเมืองนี้เป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพจำนวนมาก ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักศึกษาที่สนใจอยากจะเรียนรู้และเติบโตในสายวิศวกรรมศาสตร์ โดยทางมหาลัยก็ยังมีสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายแห่งให้สำหรับนักศึกษา ไม่ว่าจะเป็น Institute for Advanced Technology and Public Policy ซึ่งมุ่งเน้นการวิจัยในเรื่องของพลังงาน การขนส่ง และนโยบายสาธารณะ นอกจากนี้ยังมี Oden Institute for Computational Engineering and Sciences โดยจะมุ่งเน้นงานวิจัยในเรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูล (Data analytics) และการเรียนรู้ของเครื่องยนต์ (Machine learning) ซึ่งจากการจัดอันดับวิทยาลัยที่ดีที่สุดโดย US News & World Report ประจำปี 2564 UT Austin อยู่ในอันดับที่ 9 ของประเทศสหรัฐอเมริกา บอกได้เลยว่าหลักสูตรวิศวรกรรมศาสตร์ของที่นี่ไม่แพ้ที่ไหนแน่นอน
10) University of Wisconsin (UW Madison)
อันดับสุดท้าย ได้แก่ University of Wisconsin หรือ UW Madison หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ USA ในด้านการเรียนวิศวกรรมศาสตร์ ปัจจุบันมีการเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในหลากหลายสาขา เช่น วิศวกรรมไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมเครื่องกล และวิศวกรรมชีวการแพทย์ โดย UW Madison ก็ตั้งอยู่ในเมืองเมดิสัน รัฐวิสคอนซิน ซึ่งล้อมรอบด้วยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่เฟื่องฟู ทำให้นักเรียนมีโอกาสพัฒนาและเติบโตมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ทางมหาวิทยาลัยยังมีสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเฉกเช่นเดียวกันมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น Wisconsin Energy Institute (WEI) ที่มุ่งเน้นการวิจัยและการศึกษาด้านพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานหมุนเวียน (Renewable energy) การจัดเก็บพลังงาน (Energy Storage) และประสิทธิภาพพลังงาน (Energy efficiency) เป็นต้น
No Comments