การกินเพียงวันละมื้อ โดยพยายามให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนสำหรับหนึ่งวันในคราวเดียว กำลังขึ้นแท่นวิธีดูแลรักษาสุขภาพยอดนิยม โดยถือเป็นเทรนด์ที่มาแรงในหมู่คนดังทั่วโลกตอนนี้
ล่าสุด คริส มาร์ติน นักร้องนำชาวอังกฤษจากวงโคลด์เพลย์ และนักร้องชาวอเมริกัน บรูซ สปริงส์ทีน ต่างก็ออกมาเผยว่าได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร จากการกินวันละ 3 มื้ออย่างคนทั่วไป มาเป็นการกินแบบ “โอแมด” ซึ่งดีต่อสุขภาพยิ่งกว่าแทน
นักโภชนาการบางส่วนเชื่อว่า “โอแมด” หรือการจำกัดเวลากินอาหารให้เหลือเพียงครั้งเดียวต่อวัน (One Meal A Day – OMAD) นอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนัก ดูแลสุขภาพของระบบทางเดินอาหารแล้ว ยังกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และฟื้นฟูเซลล์ร่างกาย รวมทั้งลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง แต่วิธีนี้ก็อาจมีโทษแฝงอยู่ด้วยเช่นกัน
ดร.อะแมนดา เอเวอรี ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากมหาวิทยาลัยน็อตติงแฮมของสหราชอาณาจักร ได้อภิปรายถึงข้อดีและข้อเสียของการกินเพียงวันละมื้อ ในบทความที่เผยแพร่ในเว็บไซต์วิชาการ The Conversation ดังนี้
ดร.เอเวอรี บอกว่า โอแมดคือรูปแบบหนึ่งของการอดอาหารเป็นช่วง ๆ (Intermittent Fasting – IF) แต่เป็นแนวทางปฏิบัติที่ค่อนข้างสุดโต่ง เพราะต้องการให้ร่างกายได้รับประโยชน์ในการฟื้นฟูสุขภาพ รักษาโรค และยืดอายุขัย ซึ่งเป็นข้อดีที่เหนือกว่าผลของการอดอาหารเพียงวันละสิบกว่าชั่วโมงตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีผลวิจัยทางการแพทย์น้อยชิ้น ที่มาช่วยยืนยันและรับรองถึงประโยชน์ของการกินแบบโอแมด แต่ในขณะเดียวกัน กลับมีคำถามและสิ่งคลุมเครือที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบอีกมากมายว่า การกินวันละมื้อส่งผลอย่างไรต่อกลไกการทำงานของร่างกายกันแน่
ที่ผ่านมาการศึกษาเกี่ยวกับโอแมดมักทำในสัตว์ทดลองมากกว่ามนุษย์ ส่วนนักโภชนาการหรือเทรนเนอร์ผู้ให้คำแนะนำด้านสุขภาพก็มักจะอ้างถึงข้อดีของโอแมด โดยอนุมานจากผลการทดลองอดอาหารในกรอบระยะเวลาที่สั้นกว่า รวมทั้งผลของการอดอาหารแบบ 5:2 ซึ่งจะมีการกินอาหารแคลอรีต่ำเป็นบางวันในรอบสัปดาห์ สลับกับการกินตามปกติ
ผลการทดลองอดอาหารเป็นช่วง ๆ (IF) ที่มีการกินอาหารตั้งแต่ 2-3 มื้อต่อวัน สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญหรือเมตาบอลิซึม รวมทั้งช่วยลดความดันโลหิต ลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ลดการอักเสบภายในร่างกาย ซึ่งจะเป็นการป้องกันและรักษาโรคอ้วน โรคเบาหวานประเภทที่ 2 รวมทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างได้ผล ทำให้หลายคนเกิดคิดเหมาเอาเองว่า การอดอาหารที่เคร่งครัดกว่านั้นน่าจะส่งผลดียิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่า
ดร.เอเวอรี บอกว่า ผลวิจัยเรื่องกินวันละมื้อเดียวแบบโอแมดในมนุษย์ ปัจจุบันมีอยู่เพียงการทดลองเดียวเท่านั้น ทั้งยังเป็นการวิจัยกลุ่มเล็กกับอาสาสมัครเพียง 11 คน โดยทีมผู้วิจัยกำหนดให้อาสาสมัครกลุ่มหนึ่งกินอาหาร 2 แบบ โดยใน 11 วันแรกจะกินอาหารเย็นเพียงวันละมื้อ และใน 11 วันต่อมาจะกินอาหารวันละ 3 มื้อ โดยพลังงานที่ได้รับทั้งหมดในหนึ่งวัน จะคิดเป็นปริมาณแคลอรีเท่ากับที่กินในมื้อเดียวก่อนหน้านั้น
ผลการทดลองที่ออกมาปรากฏว่า เมื่ออาสาสมัครได้กินอาหารวันละมื้อ น้ำหนักตัวและมวลไขมันในร่างกายลดลงมากกว่า เมื่อเทียบกับตอนกินอาหารที่ให้พลังงานเท่ากันแบบแบ่งเป็น 3 มื้อ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและความหนาแน่นของมวลกระดูกไปมากกว่าขณะที่กินแบบโอแมด ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อภาวะกล้ามเนื้อลีบอ่อนแรงและกระดูกเปราะหักง่ายกว่า หากต้องกินเพียงวันละมื้อติดต่อกันเป็นเวลานาน
ส่วนผลการทดลองในสัตว์นั้นออกมาตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง โดยหนูที่กินอาหารมื้อใหญ่วันละมื้อกลับมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเยอะกว่า เมื่อเทียบกับหนูทดลองที่ได้กินวันละหลายมื้อ ซึ่งผลวิจัยที่กลับตาลปัตรนี้ บ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนของประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการกินแบบโอแมด โดยการเกิดผลดีหรือไม่นั้นอาจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อย่างเช่นเพศ วัย พื้นฐานสุขภาพของแต่ละคน รวมทั้งประเภทและสัดส่วนของอาหารที่นำมารับประทานด้วย
ดร.เอเวอรี ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ผลวิจัยเท่าที่มีอยู่ชี้ถึงความเสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ที่กินวันละมื้อเป็นประจำ เพราะเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับพลังงาน โปรตีน ไฟเบอร์หรือกากใย รวมทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญได้ครบ ซึ่งในที่สุดจะนำไปสู่อาการท้องผูก ลำไส้แปรปรวน และการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อได้
ด้วยเหตุนี้ นักโภชนาการส่วนใหญ่จึงไม่แนะนำให้คนทั่วไปลดน้ำหนักหรือรักษาสุขภาพด้วยการกินแบบโอแมด ทั้งไม่แนะนำให้เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีบุตรยาก แม่ที่กำลังให้นมบุตร และผู้ที่เสี่ยงมีภาวะผิดปกติในการกิน หันมาใช้วิธีนี้
ดร.เอเวอรี กล่าวเตือนว่า การกินแบบโอแมดต้องอาศัยการดูแลจากนักโภชนาการอย่างใกล้ชิด เพราะจะต้องให้คำแนะนำเรื่องการกินอาหารที่มีคุณค่าสูง รวมทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างเป็นระบบ ซึ่งบริการสุขภาพที่มีราคาแพงเช่นนี้ คนทั่วไปไม่อาจเข้าถึงได้เหมือนกับเหล่าดารานักร้องคนดังทั้งหลาย
“คนที่กินเพียงวันละมื้อจะต้องได้รับโปรตีนมากพอในครั้งเดียว และยังต้องกินผัก ผลไม้ ถั่ว และธัญพืชเต็มเมล็ดให้เพียงพอ เพื่อที่จะได้รับสารอาหารครบถ้วน พวกเขาต้องบริโภคผลิตภัณฑ์นมในปริมาณมากเป็นพิเศษด้วย เพื่อให้ได้แคลเซียมและไอโอดีนตามเกณฑ์กำหนด ส่วนเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นจะมีความสำคัญมากขึ้นไปอีก ในกรณีที่คนผู้นั้นกินแบบโอแมดโดยเน้นอาหารจากพืชเป็นหลัก (plant-based)” ดร.เอเวอรี กล่าวสรุป
ที่มา : bbc.com
No Comments