กลุ่มสิงห์ เอสเตท ต่อยอดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ภายใต้แนวคิด “Sustainable Diversity” จับมือสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ลงนาม MOU “ความหลากหลายทางชีวภาพของนก”มุ่งสร้างจิตสำนึกของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจอย่างยั่งยืน สิงห์ เอสเตท (SET : S) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนระดับสากล ร่วมกับ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SET: SHR) และ สิงห์ปาร์ค เชียงราย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “ความหลากหลายทางชีวภาพของนก” กับสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย (BCST) เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เพื่อร่วมกันรักษาและสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพของนก ถิ่นอาศัย และทรัพยากรธรรมชาติแก่สังคม ตลอดจนสร้างแรงกระตุ้นให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นางสาวศิริธร ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ภายใต้แนวคิด Sustainable Diversity ที่ส่งเสริมความหลากหลายที่สมดุลเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นปรัชญาการพัฒนาที่กลุ่มบุญรอดให้ความสำคัญและมุ่งมั่นดำเนินการมาโดยตลอด การดำเนินงานของโครงการนี้ ครอบคลุมทั้งในระดับการป้องกัน การรักษา และการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศอย่างยั่งยืน รวมไปถึงการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) โดยเราเปิดโอกาสให้ลูกค้า พนักงาน ชุมชน และผู้ที่สนใจ ให้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดการทำงานและการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ”สิงห์ เอสเตท และบริษัทฯ ในเครือ เราพร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ต่างๆ เพื่อเป็นกระบอกเสียงส่งต่อให้แก่ผู้ที่สนใจผ่านช่องทางและกิจกรรมของบริษัท อาทิ โครงการ The Nature Trail ที่จัดทำเส้นทางเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะนก ซึ่งนับเป็นสัตว์ที่สามารถบ่งชี้ความอุดมสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมได้อย่างชัดเจน โดยเราสามารถพบเจอได้ตลอดเส้นทางทั้งเหยี่ยวขาว นกแว่นตาขาวสีทอง และนกกระตี๊บแดง โดยนักท่องเที่ยวจะได้มีโอกาสเรียนรู้ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวอย่างสนุกสนานและยั่งยืน” นางสาวศิริธร กล่าว
ผลสำรวจของ Booking.com[1] เกี่ยวกับแนวโน้มการท่องเที่ยวของคนไทย ระบุว่าในปี 2567 คนไทยมองว่าชีวิตคือการเดินทาง โดยการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ถูกพิจารณาว่าเป็นสุนทรียศาสตร์ของการเดินทางแบบยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลให้การออกแบบเชิงนวัตกรรมเข้ามามีบทบาทในเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น และก่อให้เกิดทางเลือกการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมที่สร้างสรรค์รูปแบบใหม่ เนื่องจากนักท่องเที่ยวในปัจจุบันไม่ได้ต้องการเพียงแค่ทริปท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบสั้นๆ เท่านั้น แต่ยังนำแนวคิดด้านการอนุรักษ์มาเป็นแรงบันดาลใจและปรับใช้ในการดำเนินชีวิตเพื่อเป้าหมายในการช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสร้างผลเชิงบวกต่อชุมชนและสังคมเพิ่มมากขึ้น โดยรายงานนี้มีผลการสำรวจที่น่าสนใจอื่น ๆ อาทิ 78% ของนักท่องเที่ยว มองหาที่พักที่มีนวัตกรรมด้านความยั่งยืนที่โดดเด่น 83% ของนักท่องเที่ยว ต้องการเห็นการดำเนินการด้านความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม ในขณะที่ 65% ต้องการที่พักที่มีการตกแต่งภายในด้วยพื้นที่สีเขียวและประดับด้วยต้นไม้ราวกับอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ผู้เดินทางจำนวนมากสนใจแพลตฟอร์มการเดินทางแบบยั่งยืนที่มีตัวเลือก หรือข้อเสนอให้สามารถปลดล็อกประสบการณ์บางอย่างได้ (84%) เช่น ข้อเสนอประสบการณ์ทดลองใช้ชีวิตกับชุมชนท้องถิ่นหรือจุดหมายที่ไม่คุ้นเคย (47%) หรือข้อเสนอทริปการเดินทางไปยังพื้นที่ห่างไกลที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อาจยังเข้าไม่ถึง (44%) ผลสำรวจจาก ทราเวลโลก้า (Traveloka) แพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวชื่อดัง เผยเทรนด์การท่องเที่ยวในปี 2567 ว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและใส่ใจสิ่งแวดล้อมกำลังได้รับความนิยม การขายแหล่งท่องเที่ยวแบบมีเรื่องราวจะไปได้ไกล โดยพบว่า 80% ของผู้ใช้งานต้องการจองที่พักที่ผ่านการรับรองด้านบริการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน[2]
นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่
นางสาวศิริธร กล่าวเสริมว่าผลสำรวจของแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวเหล่านี้ นับเป็นเครื่องยืนยันว่าเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงนิเวศกำลังได้รับความนิยมสูง ทำให้กิจกรรม Nature Trail และ Bird Walk เป็นอีกหนึ่ง Selling Point ที่ดึงดูดลูกค้าที่มีความสนใจด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จึงทำให้โรงแรมของเราเป็นอีกหนึ่งเดสติเนชันที่นักท่องเที่ยวเลือกมาพักผ่อน โดยในปัจจุบันได้ดำเนินกิจกรรมเส้นทางความหลากหลายทางชีวภาพแล้วหนึ่งแห่ง คือโรงแรมสันติบุรี สมุย และมีแผนที่จะจัดทำ Nature Trail ต่อไปที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย และโรงแรมทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ
นกยางทะเล
เส้นทางสำรวจ Nature Trail ภายในบริเวณ โรงแรมสันติบุรี สมุย แบ่งออกเป็น 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1: เส้นทางเดินสำรวจนกและแมลงน้ำ เป็นเส้นทางในรูปแบบของการสำรวจนก ต้นไม้ และแมลงน้ำในคลองที่ใหลผ่านรีสอร์ต โดยมีจุดสำรวจ 13 จุด เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจในพื้นที่ เส้นทางที่ 2 : เส้นทางเดินสำรวจแมลงน้ำและไลเคน โอบล้อมด้วยไม้พุ่มชนิดต่าง ๆ โดยเป็นเส้นทางการเรียนรู้เรื่องแมลงและแมงมุมกลุ่มต่างๆ เป็นหลัก และกำหนดให้มีจุดสำรวจ 13 จุด เส้นทางที่ 3 : เส้นทางเดินสำรวจสัตว์ชายหาดและนกน้ำ เส้นทางที่มุ่งหน้าไปยังบริเวณหาดของรีสอร์ต เน้นการเชื่อมโยงพื้นที่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในโซนแห้งไปถึงบริเวณชายหาด และกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบนิเวศชายหาด
สำหรับโครงการที่ โรงแรมทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ มีการสำรวจพบนกรวม 63 ชนิด จากสิ่งมีชีวิตทั้งหมด 229 ชนิด มีการแบ่งเส้นทางสำรวจออกเป็น 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1: เส้นทางวิ่ง/จักรยาน สำรวจพันธุ์ไม้ป่าชายเลนนกนานาชนิดทั้งช่วงเช้าและเย็น รวมถึงเวลากลางคืน ซึ่งสามารถศึกษาสิ่งมีชีวิตที่หากินตอนกลางคืนได้ มีโอกาสพบสัตว์ในกลุ่มแมลง แมงมุม และสัตว์เลื้อยคลานที่หายากได้ เส้นทางที่ 2 : เส้นพายเรือคายัค (2 กิโลเมตร) เน้นกลุ่มนกทะเล ปู และหอยบริเวณป่าชายเลน รวมถึงฝูงปลาวัยอ่อน และการศึกษาลักษณะโครงสร้างของต้นโกงกาง เส้นทางที่ 3 : เส้นพายเรือคายัค (1 กิโลเมตร) สำรวจปลานานาชนิด ทั้งฝูงปลาวัยอ่อน ปลาไหลมอเรย์ลายหินอ่อน ปลาจิ้มฟันจระเข้ โดยเฉพาะปลาอมไข่ตาสีฟ้า (Orbiculate cardinal fish) ที่รายงานพบเป็นครั้งแรกที่บริเวณป่าชายเลนโละบาเกาจากการสำรวจครั้งนี้
นกลุมภูขาว
โครงการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพที่บริษัทฯ ดำเนินการในครั้งนี้ นอกเหนือจากความร่วมมือจากบริษัทฯ ในเครือแล้ว ยังมีมูลนิธิโลกสีเขียว ชุมชนโละบาเกา หมู่เกาะพีพี ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ร่วมเป็นพันธมิตรในการค้นคว้าและรักษาความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต ควบคู่กับการบริหารจัดการอย่างสมดุลทั้งในเรื่องสิ่งแวดล้อมและธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อให้ตอบโจทย์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (Ecotourism) ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากที่สุด นอกจากนี้ ยังได้ความร่วมมือจากสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย ซึ่งทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในประเทศไทย เป็นที่ดึงดูดต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งจากยุโรป สหราชอาณาจักร อเมริกา ภูมิภาค เอเชีย รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยที่หลงใหลการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สิงห์ เอสเตท และบริษัทฯ ในเครือ พร้อมร่วมส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งต่อคุณค่าให้กับทุกชีวิต เพื่อดูแลปกป้องดูแลโลกใบนี้ร่วมกันอย่างยั่งยืน
ที่มา:TerraBKK.com
No Comments