ศาลตัดสินจำคุก “ไอซ์-รักชนก” สส.ก้าวไกล ตามความผิด ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 6 ปี ไม่รอลงอาญา ใช้เงินสด 3 แสนบาท และตำแหน่ง สส.ของหัวหน้าพรรคก้าวไกลตีราคา 2 แสนบาท รวมวงเงิน 5 แสนบาท ประกันตัวออกไป ยันไม่วิตก รอสู้ต่ออีก 2 ศาล วันเดียวกันศาลพิพากษาคดี “ไบร์ท-ชินวัตร” ความผิดตามมาตรา 112 และ 116 ระหว่างร่วมชุมนุมกลุ่มราษฎรห้าแยกลาดพร้าว และหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ปี 63 หลังแตกคอกับแกนนำกลุ่มราษฎร จากให้การปฏิเสธเป็นให้การรับสารภาพ แต่ไม่รอด ศาลสั่งจำคุก 3 ปี โวยกองทุนราษฎรไม่ช่วยประกันตัว ต้องนอนเรือนจำ
ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ธ.ค. ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.รักชนก หรือไอซ์ ศรีนอก สส.กทม.พรรคก้าวไกล เป็นจำเลยความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3 และ 14 จำเลยให้การปฏิเสธ คดีนี้อัยการฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 18 ก.ค.- 9 ส.ค. 64 จำเลยบังอาจดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายในหลวงรัชกาลที่ 10 ด้วยการใช้บัญชีทวิตเตอร์ ไอซ์ หรือ @nanaicez โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนพร้อมรูปภาพที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 อันเป็นความผิดตามกฎหมาย
วันนี้ น.ส.รักชนก จำเลยเดินทางมาศาล มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีม สส.พรรคก้าวไกล เดินทางมาที่ศาลอาญา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ฐานะทนายความ เปิดเผยก่อนเข้ารับฟังคำพิพากษาว่า หากคำพิพากษาออกมาไม่เป็นผลดี จะเข้าสู่กระบวนการประกันตัว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา และที่ผ่านมาต่อสู้คดีมาอย่างเต็มที่
ขณะที่ น.ส.รักชนก เผยว่า ก่อนหน้านี้ยื่นคำร้องเลื่อนฟังคำพิพากษา เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดสมัยประชุมสภา แต่ศาลไม่อนุญาต ตนมั่นใจในพยานหลักฐาน และคิดว่าหากเป็นไปตามข้อต่อสู้ก็มีโอกาสที่จะชนะคดี จากนั้นจึงพากันเข้าห้องพิจารณาคดี มีกองเชียร์เป็นหญิงสูงวัยเข้ามาสวมกอดให้กำลังใจบรรยากาศคึกคักพอหอมปากหอมคอ
ต่อมาศาลออกนั่งบัลลังก์ 808 มีคำพิพากษาใจความว่า พิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีพนักงานสอบสวน และผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เบิกความไปตามจริง ไม่เคยรู้จักจำเลยมาก่อน ไม่มีเหตุเบิกความกลั่นแกล้งใส่ร้ายจำเลยให้ต้องรับโทษ รวมทั้งพยานหลักฐานอื่นๆยืนยันจากข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นเจ้าของบัญชีทวิตเตอร์จริง พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
ส่วนที่จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี อ้างว่าไม่ได้กระทำผิด ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือจำเลยเพื่อหาข้อเท็จจริง และที่จำเลยอ้างว่า ยึดถือการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น มีข้อพิรุธ และความขัดแย้งของตัวเอง ไม่ขวนขวายหาข้อเท็จจริงกับแนวทางข้อต่อสู้ของจำเลยมีน้ำหนักน้อย ไม่น่าเชื่อถือ ผิดวิสัย ทั้งยังลงภาพและถ้อยคำ “แซะ” สถาบันด้วย เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เป็นความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรมตามความผิด
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ให้ลงโทษตามมาตรา 112 อันเป็นบทหนักสุดรวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา
หลังศาลอ่านคำพิพากษา น.ส.รักชนก ยังมีสีหน้ายิ้มแย้มระหว่างถูกพาไปห้องควบคุมตัว ฝ่ายนายชัยธวัช กับนายพิธารีบไปยื่นประกัน กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นประกันตัวโดยใช้ตำแหน่ง ของนายชัยธวัช และหลักทรัพย์เงินสดจำนวน 300,000 บาทประกอบการยื่นประกันตัว คาดว่าจะทราบผลการประกันตัวในช่วงบ่าย หลังตนประชุมสภาเสร็จแล้วจะเดินทางมาติดตามผล ส่วนหลังจากนี้จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ต้องรอฟังผลการขอยื่นประกันตัวก่อน
นายชัยธวัชยืนยันว่า คดีนี้เกิดขึ้นก่อนที่ น.ส.รักชนก จะเข้ามาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล ทางพรรคไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องการเข้าไปต่อสู้คดีตั้งแต่ต้น แต่เป็นเรื่องของทนายความ เมื่อศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้วต้องยอมรับปฏิบัติตาม และยังต้องให้ น.ส.รักชนกใช้สิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมเต็มที่ในอีก 2 ศาลที่เหลือ ส่วนท่าที น.ส.รักชนก หลังฟังคำพิพากษา นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่ได้มีความกังวลอะไร เนื่องจากกระบวนการยังไม่ถึงที่สุด คุยกันว่าพบกันเย็นนี้ จากนั้นถูกนำตัวไปห้องรอสั่งประกัน
ด้าน น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กภายหลัง น.ส.รักชนก ศรีนอก ถูกศาลอาญาสั่งจำคุก 6 ปี ไม่รอลงอาญา ตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ว่า บทลงโทษที่รุนแรงอย่างมากในวันนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันข้อเท็จจริง และแสดงให้เห็นว่ากฎหมายนี้ไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ไม่ควรมีใครต้องถูกคุมขังเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็น ขอยืนยันสิทธิในการได้รับการประกันตัวของทุกคน และขอยืนหยัดเคียงข้างและส่งกำลังใจให้ #ไอซ์รักชนก รักชนก ศรีนอก-Rukchanok Srinork
ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในกระบวนการขอประกันตัว ส่วนรายละเอียดของคำพิพากษาของศาลอาญานั้น รอความชัดเจนเพิ่มเติมอยู่ ไม่ขอชี้แจงรายละเอียดเพราะกลัวจะสื่อสารกันผิดพลาด ขณะนี้ยังไม่มีความกังวล ทราบในเหตุการณ์ลักษณะนี้อยู่แล้ว เบื้องต้นยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ตนเชื่อว่าจะมีการประกันตัว และขออุทธรณ์ในชั้นศาลต่อไป กรณี น.ส.รักชนก ทำให้เห็นถึงปัญหาของ ม.112 ได้อย่างชัดเจนอีกแล้ว หวังว่าจะทำให้สังคมเห็นถึงปัญหาและความพยายามที่จะแก้ไขกฎหมายมาตราดังกล่าวของพรรคก้าวไกล
ที่ศาลอาญาเวลา 15.00 น. ศาลพิจารณาคำร้องของ น.ส.รักชนก ศรีนอก จำเลย ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างอุทธรณ์วงเงิน 500,000 บาท (เงินสด 300,000 บาท ใช้ตำแหน่งนายชัยธวัชตีวงเงิน 200,000 บาท) กำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยกระทำการ หรือร่วมกิจกรรมลักษณะเดียวกันกับข้อหาตามคำฟ้อง และหรือมีพฤติการณ์ใดๆในลักษณะและข้อหาเดียวกัน
วันเดียวกันศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายชินวัตร หรือไบร์ท จันทร์กระจ่าง แกนนำคณะราษฎร ความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามกฎหมายอาญามาตรา 112 ฐานร่วมกันใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนเป็นอุปสรรคต่อความสะดวกในการจราจรมาตรา 116 เดิมมีจำเลยคือ นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ นายชินวัตร หรือไบร์ท จันทร์กระจ่าง นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล น.ส.จิรฐิตา ธรรมรักษ์ และนายคริษฐ์ อร่ามพิบูลกิจ แต่นายไบร์ทเกิดแตกกับกลุ่มคณะราษฎรมารับสารภาพคนเดียวเมื่อเดือน พ.ย.66 เลยแยกสำนวนมา
อัยการฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1-3 ธ.ค.63 ต่อเนื่องกัน พวกจำเลยจัดกิจกรรม#ม็อบ “2 ธันวา ไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชาออกไป” ชุมนุมปราศรัย ยุยง ปลุกปั่น พาดพิงให้ร้ายสถาบันด้วยถ้อยคำหยาบคาย มีผู้ร่วมชุมนุมประมาณ 3,000 คน บริเวณห้าแยกลาดพร้าว และหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธิน กทม.เกี่ยวพันกัน วันนี้ศาลอ่านคำพิพากษาเฉพาะในส่วนเฉพาะของนายชินวัตร ศาลเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องลงโทษจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ปรับ 11,100 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังทราบคำพิพากษานายชินวัตรโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “กองทุนราษฎรประสงค์ไม่ประกันตัวผมนะครับ เนื่องจากเขาแจ้งว่า ผมไม่เข้าข่ายในการช่วย” เมื่อโทรศัพท์สอบถามไปยังภรรยานายชินวัตรทราบว่า เนื่องจากกองทุนราษฎรประสงค์ ซึ่งช่วยเหลือผู้ถูก ดำเนินคดี ม.112 ไม่ให้เงินมายื่นประกันตัว ทำให้ญาติ ต้องเตรียมโฉนดไปขอยื่นประกันนายชินวัตรแทน แต่ไม่ทันเวลาที่ศาลจะพิจารณา ทำให้นายชินวัตร ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อย่างไรก็ตาม วันที่ 14 ธ.ค.นี้ญาติจะยื่นประกันตัวต่อศาลอีกครั้ง
ที่มา thairath.co.th
No Comments