ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับ “เมตาเวิร์ส” แต่ตลาด VR ในสหรัฐกลับหดตัวต่อเนื่อง จากที่ยอดขายชุดหูฟัง VR และแว่นตาเมตาเวิร์สในสหรัฐลดลงเกือบ 40% ขณะที่บริษัทเทค Apple และ Sony เปิดตัวแว่น VR แย่งชิงตำแหน่งผู้นำตลาด
- ยอดขายชุดหูฟัง VR และแว่นตา AR ในสหรัฐลดลงเกือบ 40% ในปี 66
- Meta ผลาญเงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการพัฒนา metaverse แต่รายได้จากชุดหูฟัง Quest 3 ของ Meta ที่เพิ่งเปิดตัวไม่อาจชดเชยมูลค่าความเสียหายที่ขาดทุนจากปีก่อน
- บริษัทเทคเปิดตัวแว่น VR แย่งชิงตำแหน่งผู้นำตลาด
สำนักข่าว ซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานถึงบริษัทเมตา(Meta) ได้ใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4 เพื่อเติมเต็มความฝันของ CEO อย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) กับโลกเสมือนจริงแห่งอนาคตที่เขาเรียกว่า เมตาเวิร์ส(metaverse) แต่ตลาดกําลังหดตัว
หลังจากที่ยอดขายชุดหูฟัง VR และแว่นตาเมตาเวิร์สในสหรัฐลดลงเกือบ 40% เป็น 664 ล้านดอลลาร์ในปี 2566 โดยบริษัทวิจัย Circana มองว่าเป็นการลดลงอย่างรวดเร็วกว่าปีที่แล้วมาก เมื่อยอดขายอุปกรณ์ AR และ VR ลดลง 2% เป็น 1.1 พันล้านดอลลาร์
ตลาดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกัน เป็นการตอกย้ำความท้าทายอย่างต่อเนื่องของ Meta ในการนําเทคโนโลยีออกจากตลาดเกม และเข้าสู่ตลาดกระแสหลัก ในขณะที่ซักเคอร์เบิร์ก มองว่าน่าจะใช้เวลาหนึ่งทศวรรษ หรือ 10 ปี ในการเข้าถึงผู้ใช้พันล้านคน โดยต้องเริ่มต้นจากการแสดงข้อมูลในแง่ดีมากขึ้น เพื่อเอาใจฐานผู้ถือหุ้นที่วิพากษ์วิจารณ์การลงทุนด้วยเม็ดเงินจํานวนมากซึ่งอยู่บนความเสี่ยงของบริษัท
บริษัทเทคแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตลาด VR
ปัจจุบัน Meta เป็นผู้นําในตลาด VR ด้วยยอดขายชุดหูฟัง Quest-branded ในตลาดสหรัฐ โดย Meta เปิดตัว Quest 3 VR ในเดือนตุลาคม เริ่มต้นที่ 499 ดอลลาร์ ซึ่งแพงกว่า Quest 2 ถึง 200 ดอลลาร์
ในช่วงเดือนตุลาคม และพฤศจิกายน ยอดขายชุดหูฟัง VR ในสหรัฐอยู่ที่ 271 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 42% จาก 191 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
Meta หวังว่า Quest 3 จะสร้างแรงบันดาลใจให้นักพัฒนาสร้างแอป และเกมที่น่าสนใจซึ่งใช้คุณสมบัติ passthrough ซึ่งช่วยให้ได้รับประสบการณ์ความสมจริงที่ผสมผสานกราฟิกดิจิทัลเข้ากับประสบการณ์ real-world
ขณะเดียวกันบริษัทโซนี่ได้เปิดตัวชุดหูฟัง PlayStation VR2 รุ่นที่สองเมื่อต้นปีนี้ แต่ไม่สามารถช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดได้มากนัก
ส่วน Apple ได้เปิดตัวชุดหูฟัง Vision Pro mixed-reality ซึ่งมีกําหนดจะออกสู่ตลาดในปีหน้าในราคาเริ่มต้นที่ 3,499 ดอลลาร์
การเปิดตัว Vision Pro อาจมีบทบาทสําคัญในการสนับสนุนตลาด VR และ AR ที่เพิ่งเริ่มต้นในปี 2567 ตามการวิจัยจาก IDC โดย Ramon Llamas ผู้อํานวยการฝ่ายวิจัยของ IDC กล่าวว่า “การเข้ามาของ Apple ในปีหน้าจะดึงความสนใจมาสู่ตลาดขนาดเล็ก และจะเป็นการบังคับให้บริษัทอื่นๆ เข้ามาแข่งขันในรูปแบบต่างๆ ด้วย
ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/world/1104477
No Comments