Gen Y Gen Z ใช้มากที่สุด ถึง 95.9% จากผมสำรวจของหอการค้าไทยปี 2566
วันที่ 21 เมษายน 2566 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยว่า ด้วยนโยบายที่โดดเด่นของรัฐบาลทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลที่เข้ามานั้นมีบทบาทสำคัญมากต่อเศรษฐกิจไทย
กลุ่ม ปัจจุบันพบว่ามีการใช้งานมากที่สุดชาวต่างชาติเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะมั่นใจว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจดิจิทัลจะดันเศราฐกิจไทยมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาท หรือิดเป็น 13% ของ GDP ประเทศ ซึ่งปัจจุบัน GDP ของประเทศอยู่ที่ 16 ล้านล้านบาท
โดยธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์คิดเป็นมูลค่า 9 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูง อย่างไรก็ดี หลังการเลือกตั้งหากรัฐบาลชุดใหม่มีนโยบายด้านนี้ก็จะทำให้ธุรกิจดิจิทัลเติบโตมากขึ้น ซึ่งจากการประเมินมูลค่าการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ในปี 2566 พบว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้งต่อเดือนอยู่ที่ 1,485 บาท โดยมีจำนวนคนที่ซื้อผ่านออนไลน์ 50.2 ล้านคน มูลค่าการซื้อขาย 894,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.91%
นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงการสำรวจในหัวข้อ “Digital Marketing และ Digital Economy แรงกระตุ้นเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้ง” โดยแบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ภาคประชาชน 1,227 ตัวอย่าง และภาคผู้ประกอบการ 395 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 8-18 เมษายน 2566 พบว่าพฤติกรรมของประชาชนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ส่วนใหญ่ 51.4% มีความรู้ความเข้าใจเทคโนโลยีและดิจิทัล 4.1% ไม่เข้าใจเลย ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่มีอายุ 55-72 ปี
ขณะที่ความสำคัญของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนใหญ่ 72.3% มาก โดยกลุ่มที่ใช้มาก คือ Gen Y Gen Z และ 15.5% ปานกลาง และ 3.9% ไม่ใช้เลย การใช้อินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวันพบมากสุด ผ่านมือถือ รองลงมา คอมพิวเตอร์ การซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม กว่า 70.3% มีการซื้อขาย และซื้อขายผ่าน e-Marketplace (Shopee, Lazada, Kaidee, Grab) โดยส่วนใหญ่ และ 29.7% ไม่มีการซื้อขาย เพราะเหตุใดถึงไม่มีการซื้อขายสินค้าผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม
ส่วนการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มในแต่ละ Generation โดยส่วนใหญ่ Gen Z จะมีการซื้อขาย บริการ เยอะ การชำระเงินก็จะผ่านแอปพลิเคชั่นของธนาคาร เนื่องจากสะดวกและจะซื้อเป็นประจำทุกวัน ค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 1,000-1,500 บาท ต่อเดือนก็ประมาณ 1,485 บาท สินค้าที่พบว่าซื้อมากจะอยู่ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้า แฟชั่น เครื่องประดับ ปัจจัยที่เข้าไปซื้อก็เพราะมีสินค้าให้เลือกมากมาย
นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงิน คนส่วนใหญ่ 81.7% ใช้ เพราะสะดวก รวดเร็ว ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน รวมถึงใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา โดยโอน-ถอนมากสุด ส่วนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ใช้ติดต่อประสานงาน นัดหมาย การใช้สื่อสังคมออนไลน์ เช่น LINE, Facebook, IG, YouTube และ TikTok แพลตฟอร์มที่ใช้มากสุด LINE 95.9% รองลงมา เฟซบุ๊ก 88.3% ส่วนภัยคุกคามทางการเงินมากสุด และไม่ค่อยรู้ว่ามีมาตรการป้องกัน
ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนธุรกิจดิจิทัลของไทย เช่น ออกมาตรการ ป้องกัน เพื่อป้องกันการเกิดอาชญากรรมต่างๆ และเพื่อที่จะรองรับการพัฒนาของเทคโนโลยีในอนาคต และมีการจัดอบรมให้ความรู้เรื่องเทคโนโลยี
ส่วนความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมีผลต่อการดำเนินธุรกิจมากน้อยเพียงใด 68.9% สำคัญมาก 3.2% ไม่สำคัญเลย และการใช้ในการดำเนินธุรกิจ 75.9% ธุรกรรมทางการเงิน 68.4% ติดต่อสื่อสาร ส่วนปัญหาที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยี จะไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลหรือการแข่งขันออนไลน์ได้ ไม่สามารถเชื่อมให้เป็น One Stop Services และปัจจุบันยังพบว่าการขายสินค้าและบริการ 69.2% เกิดจากออนไลน์ หน้าร้านเพียง 30.8% ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลนั้นสร้างรายได้มากขึ้น และมูลค่าการซื้อสินค้าหรือบริการผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม (B2C) ปี 2566 พบว่าอยู่ที่ 894,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.91%
ที่มา prachachat.net
admin loukmon
No Comments