- เช็กความฝืด ‘การเมือง’ เดินได้แต่ ‘ไม่คล่องตัว’
การเมืองไทยในช่วงนี้มีสัญญาณที่บ่งบอกถึงความฝืดเคืองในการขับเคลื่อนประเทศ ถึงแม้ว่าทางรัฐบาลและฝ่ายต่างๆ จะยังคงเดินหน้าผลักดันนโยบายต่างๆ แต่หลายฝ่ายกังวลว่า การดำเนินงานในระบบการเมืองกลับไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัวเท่าที่ควร
สถานการณ์นี้ได้รับการสังเกตจากหลายแหล่งข่าวและนักการเมืองที่เห็นว่า บางครั้งการตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ต้องใช้เวลาในการประสานงานและเจรจาในหลายฝ่าย รวมทั้งการจัดการปัญหาความขัดแย้งที่ยังค้างคาในภาครัฐ ซึ่งทำให้บางแผนงานถูกชะลอหรือไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
การที่การเมืองเดินหน้าได้แต่ไม่คล่องตัวเป็นอุปสรรคที่อาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว แม้ว่าจะยังคงมีความพยายามในการปรับตัวและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายมิติ แต่ความท้าทายในการจัดการและประสานงานของฝ่ายต่างๆ ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข
- วิเคราะห์การเมือง : “มาม่า” วัดกับ “แต้มฟรี”
การเมืองในประเทศไทยในช่วงเวลานี้ได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิดหลังจากที่เกิดการเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีการผลักดันนโยบายใหม่ๆ ซึ่งบางครั้งก็สะท้อนถึงความไม่ลงรอยกันระหว่างรัฐบาลกับประชาชน โดยการเปรียบเทียบในครั้งนี้ถูกนำมาเป็นการวิเคราะห์ถึงสองแนวทางที่คล้ายคลึงกันในแง่ของการสื่อสารทางการเมือง คือ “มาม่า” กับ “แต้มฟรี”
“มาม่า” เปรียบเหมือนกับการแก้ปัญหาแบบเฉพาะหน้า คือการให้ความหวังกับประชาชนอย่างรวดเร็วและทันที เช่น การแจกเงิน การยกเลิกภาษี หรือมาตรการที่ช่วยลดภาระต่างๆ แต่มักไม่ได้ผลในระยะยาว ทำให้บางครั้งอาจดูเหมือนเป็นแค่การชั่วคราวที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ได้อย่างแท้จริง
ในทางตรงกันข้าม “แต้มฟรี” เปรียบเสมือนการให้โอกาสที่ไม่ได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น การให้แต้มคะแนนพรรคการเมืองเพื่อให้ได้เปรียบทางการเลือกตั้งโดยไม่ต้องต่อรอง หรือมาตรการบางอย่างที่ไม่ได้สร้างความยั่งยืนให้กับการพัฒนาของประเทศ
ทั้งสองแนวทางนี้อาจจะสามารถดึงดูดความสนใจของประชาชนได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวอาจจะไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายหรือยั่งยืนได้ เพราะขาดการวางแผนที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาระยะยาว และอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและการพัฒนาของประเทศได้ในอนาคต
- การเมืองห้าว!‘อดีตสว.’ชวนจับตาสรรหา‘ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ’ ไม่เปลี่ยนตัว บล็อกโหวตชื่อเดิม
ในช่วงการเมืองร้อนระอุ มีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสรรหาประธานบอร์ดธนาคารแห่งชาติ (ธปท.) ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนหลังจากที่การเสนอชื่อผู้ที่จะมาเป็นประธานยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและการต่อต้านจากบางฝ่าย ล่าสุดอดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ออกมาชวนให้จับตากระบวนการเลือกตั้งประธานธปท. โดยเฉพาะการที่คณะกรรมการชุดนี้อาจจะยังคงเสนอชื่อเดิมที่ไม่สามารถผ่านการโหวตได้ในครั้งที่ผ่านมา
อดีตสว.ได้ตั้งข้อสังเกตว่า หากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลในการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจทำให้เกิดความคับข้องใจจากประชาชนและกลุ่มที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานของธนาคารแห่งชาติ เนื่องจากบทบาทของประธานบอร์ดธนาคารแห่งชาติมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดทิศทางการเงินของประเทศ
พร้อมกันนี้ อดีตสว.ได้เสนอให้มีการบล็อกโหวตหรือการต่อต้านการเสนอชื่อบุคคลเดิมอีกครั้ง เพื่อให้มีการพิจารณาหาผู้นำคนใหม่ที่มีความเหมาะสมและสามารถบริหารจัดการสถานการณ์เศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงการดำเนินงานของธปท. ให้มีความโปร่งใสมากขึ้น
- ค้านการเมืองแทรกแซงแบงก์ชาติ
ประเด็นการแทรกแซงทางการเมืองในกระบวนการบริหารงานของธนาคารแห่งชาติ (ธปท.) กลายเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงในวงการการเมืองไทย โดยหลายฝ่ายออกมาคัดค้านการที่ผู้มีอำนาจทางการเมืองพยายามมีส่วนร่วมในการตัดสินใจที่สำคัญในการบริหารจัดการธนาคารกลาง ทั้งในเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหารและการกำหนดนโยบายทางการเงิน
การแทรกแซงดังกล่าวถูกมองว่าอาจส่งผลเสียต่อความเป็นอิสระของธนาคารแห่งชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการรักษาความเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ การที่ธนาคารแห่งชาติมีความเป็นอิสระในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจ โดยไม่ถูกแทรกแซงจากการเมือง ถือเป็นหลักการสำคัญในการรักษาความเชื่อมั่นของนักลงทุนและประชาชนต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน
กลุ่มผู้คัดค้านเตือนว่าหากการเมืองเข้ามามีบทบาทในการกำหนดทิศทางการเงินของประเทศ อาจทำให้ธนาคารแห่งชาติไม่สามารถดำเนินนโยบายที่จำเป็นในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประเทศเผชิญกับภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจในอนาคต
ที่มา: Prachachat/Thairath/Naewna/News.ch7
No Comments