• 4 December 2024
  • “นายกฯ อิ๊งค์” กลับถึงไทยพร้อมครอบครัวต้อนรับ ผบ.ตร. เตรียมเข้าพบเสนอวาระแต่งตั้ง

“อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับถึงประเทศไทยพร้อมครอบครัว ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทั้งครอบครัวและทีมงานรัฐบาล โดยมีรายงานว่าในช่วงนี้ ผบ.ตร. (ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) มีแผนเข้าพบนายกฯ เพื่อเสนอวาระสำคัญเกี่ยวกับการแต่งตั้งตำแหน่งต่าง ๆ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

การเข้าพบครั้งนี้มีเป้าหมายในการปรึกษาหารือและขอความเห็นชอบในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายภายในหน่วยงาน โดยเฉพาะตำแหน่งสำคัญที่มีบทบาทในการรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ นายกฯ อิ๊งค์ เองได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ เนื่องจากถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติและการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบตำรวจของประชาชน

บรรยากาศที่สนามบินเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากบรรดาครอบครัวและผู้สนับสนุนที่มารอต้อนรับ ขณะที่นายกฯ เตรียมเริ่มทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการปรับปรุงงานด้านความมั่นคงและการบริหารที่มีประสิทธิภาพในรัฐบาล

  • “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ลาออกจากพลังประชารัฐ “ไพบูลย์” ยืนยัน ไม่กระทบภาพลักษณ์พรรค

ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ อดีตนักแสดงและนักการเมืองชื่อดัง ได้ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ สร้างความสนใจให้กับวงการการเมือง โดยการตัดสินใจลาออกครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความคาดหวังและการจับตามองจากสังคมว่าอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์และความนิยมของพรรค อย่างไรก็ตาม นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่าการลาออกของฟิล์ม รัฐภูมิ จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์หรือเสถียรภาพภายในพรรคแต่อย่างใด

นายไพบูลย์กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐยังคงมีความเข้มแข็ง และพร้อมเดินหน้าในการทำงานตามนโยบายเพื่อประชาชนต่อไป พร้อมย้ำว่าพรรคยังคงมีบุคลากรที่มีความสามารถและมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนาประเทศ และมั่นใจว่าจะสามารถรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับฟิล์ม รัฐภูมิ หลังจากการลาออก เขาได้เปิดเผยว่าจะยังคงมีบทบาทในแวดวงสังคมและการเมืองต่อไปในรูปแบบอื่น และแสดงความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อสังคมในช่องทางที่เหมาะสม

  • “ภูมิธรรม” ยืนยัน MOU 44 ไม่ต้องยกเลิก ปัดออกความเห็น ปชน. ตอบโต้ “ทักษิณ”

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า MOU 44 ซึ่งเป็นข้อตกลงการทำงานร่วมกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลยังคงมีความสำคัญและไม่จำเป็นต้องยกเลิกแต่อย่างใด โดย MOU นี้เป็นกรอบการทำงานที่มุ่งมั่นให้พรรคร่วมรัฐบาลสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านนโยบายและการบริหารประเทศ

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับปฏิกิริยาตอบโต้ของประชาชนที่มีต่อบทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรมเลือกที่จะไม่แสดงความเห็น โดยกล่าวว่าทางรัฐบาลให้ความสำคัญกับการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักและจะดำเนินการตามนโยบายที่ได้วางไว้ อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่าทุกความคิดเห็นของประชาชนได้รับการรับฟังและจะถูกนำมาพิจารณาในกระบวนการทำงานของรัฐบาล

MOU 44 ถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่สะท้อนถึงความพยายามของพรรคร่วมรัฐบาลในการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ โดยเน้นการส่งเสริมนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน

  • ธ.ค.นี้ แถลงผลงานรัฐบาล 100 วัน โยนถาม ‘ทักษิณ’ ปม ‘ยิ่งลักษณ์’ กลับไทย

รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เตรียมแถลงผลการดำเนินงานในรอบ 100 วัน ในช่วงเดือนธันวาคมนี้ โดยคาดว่าจะครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจ การสาธารณสุข การศึกษา และความมั่นคง ซึ่งเป็นการรายงานให้ประชาชนทราบถึงความคืบหน้าและผลงานที่เป็นรูปธรรม

ในขณะเดียวกัน มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับมาประเทศไทย โดยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกโยนคำถามนี้ เนื่องจากเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการตัดสินใจของนางสาวยิ่งลักษณ์ อย่างไรก็ตาม นายทักษิณยังไม่ได้ให้คำตอบชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งทำให้เกิดการคาดการณ์หลากหลายในแวดวงการเมืองและสังคม

การแถลงผลงาน 100 วันของรัฐบาลนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความมุ่งมั่นในการทำงาน โดยนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมีเป้าหมายในการผลักดันการพัฒนาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นและการตอบสนองความต้องการของประชาชน

  • “สุริยะ” เตรียมชง ครม. สัปดาห์หน้า ขยายมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าจะเสนอมาตรการขยายโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ภายในกรุงเทพมหานคร โดยมีแนวคิดที่จะเพิ่มการใช้งานของระบบขนส่งมวลชนภายในเมือง ด้วยการขยายความครอบคลุมของมาตรการ “20 บาทตลอดสาย” ให้กับเส้นทางรถไฟฟ้าสายต่างๆ เช่น สายสีเขียว สีม่วง และสายสีน้ำเงิน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถเดินทางได้สะดวกสบายและมีราคาค่าโดยสารที่เป็นมิตรกับทุกคน

มาตรการนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในฐานะที่เป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย รวมถึงเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและมลพิษทางอากาศในเมืองหลวง

คาดว่าโครงการนี้จะได้รับการพิจารณาและอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในสัปดาห์หน้า โดยจะมีการออกมาเปิดเผยรายละเอียดของมาตรการที่ชัดเจนต่อไป ซึ่งจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและสนับสนุนการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอย่างยั่งยืน.

  • นายกฯ ขอประชุมเศรษฐกิจก่อน ตัดสินใจแจกเงินหมื่นผู้สูงอายุเฟส 2

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้มีการประชุมด้านเศรษฐกิจเพื่อพิจารณาผลกระทบและแผนการจัดสรรงบประมาณอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจดำเนินการโครงการแจกเงิน 10,000 บาทสำหรับผู้สูงอายุในเฟส 2 ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโครงการในระยะก่อนหน้า โดยจะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นในการสนับสนุนทางการเงินในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจนี้

โดยโครงการนี้จะช่วยลดภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุในช่วงเวลาที่ยากลำบาก พร้อมทั้งสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก ด้วยการกระจายเงินไปยังกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความสำคัญในการใช้จ่ายงบประมาณอย่างระมัดระวังและคำนึงถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐในระยะยาว

การประชุมในครั้งนี้จะเป็นการประเมินความพร้อมและแนวทางการดำเนินการโครงการ รวมถึงการจัดทำมาตรการเสริมที่จะช่วยให้การแจกเงินสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุได้อย่างตรงจุด

  • “เจทีซี” ชะงัก ยังไม่เข้าครม. ขณะที่อิ๊งค์บินถึงไทย นัดสื่อคุยวันนี้

การพิจารณาโครงการ “เจทีซี” ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังคงถูกชะลอออกไป และยังไม่ได้ถูกนำเข้าสู่การประชุม ครม. ในรอบนี้ โดยปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับเหตุผลของการเลื่อนการพิจารณาดังกล่าว ซึ่งทำให้หลายฝ่ายจับตาดูว่าโครงการนี้จะได้รับการผลักดันอย่างไรต่อไป

ขณะเดียวกัน, นางสาวอิ๊งค์ (แพทองธาร ชินวัตร) หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้สมัครตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว โดยมีกำหนดการที่จะพบกับสื่อมวลชนในวันนี้เพื่อแถลงข่าวและตอบคำถามเกี่ยวกับการดำเนินงานของพรรค รวมถึงการอภิปรายในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน

ทั้งนี้ คาดว่าอิ๊งค์จะใช้โอกาสนี้ในการเสนอมุมมองและวิสัยทัศน์ของเธอในการทำงานร่วมกับพรรคและรัฐบาล รวมถึงการตอบโต้ข้อสงสัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา

  • เตือน 9 จังหวัดใต้ เฝ้าระวังฝนตกสะสม เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

กรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือนภัยสำหรับ 9 จังหวัดภาคใต้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีฝนตกสะสมติดต่อกันหลายวัน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งรวมถึงจังหวัดที่มีภูมิประเทศเสี่ยง เช่น ภูเขาและพื้นที่ราบลุ่มใกล้แม่น้ำ

9 จังหวัดที่ได้รับคำเตือนประกอบด้วย นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี, ชุมพร, ระนอง, พัทลุง, ตรัง, สตูล, ปัตตานี และยะลา ซึ่งทุกจังหวัดเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อปัญหาน้ำท่วมฉับพลันในช่วงฝนตกหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ใกล้แม่น้ำหรือในหุบเขา นอกจากนี้ยังมีการเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังการเกิดน้ำป่าไหลหลากจากฝนที่ตกหนักในช่วงที่ผ่านมาด้วย

กรมอุตุนิยมวิทยาขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและประกาศจากทางการอย่างใกล้ชิด รวมถึงหลีกเลี่ยงการเดินทางในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลาก และเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด

ที่มา: thairath

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *