“ศุภโชติ” ถาม “เศรษฐา” จะยืดหนี้ กฟผ. เพื่อกดค่าไฟอีกหรือไม่ ชี้ ค่าไฟ 4.10 บาทต่อหน่วย เล่นกับอนาคต-ไม่ตรงข้อเสนอ กกพ. ย้ำ ต้องแก้ที่โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ-แก้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า-หยุดเซ็นสัญญาโรงไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น
วันที่ 8 ธ.ค. 2566 นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุรับไม่ได้ที่ค่าไฟจะขึ้นไปถึง 4.68 บาทต่อหน่วย โดยจะกลับไปพิจารณากดราคาให้ได้ 4.10 บาทต่อหน่วยว่า ประเด็นของเรื่องนี้อยู่ที่นายกฯ จะใช้วิธีการใดเพื่อกดค่าไฟ จะใช้วิธีเดิมคือยืดหนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ออกไปอีกใช่หรือไม่ ปัจจุบันต้นทุนค่าไฟอยู่ที่ 4.04 บาทต่อหน่วย ถ้าขึ้นค่าไฟอยู่ที่ 4.10 บาทต่อหน่วยตามที่นายกฯ ระบุ นั่นหมายความว่าก้อนหนี้ที่ กฟผ. แบกอยู่ในปัจจุบันกว่า 95,000 ล้านบาท จะใหญ่ขึ้นอีกในอนาคต การใช้วิธีแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อกดค่าไฟ จึงไม่เป็นผลดีต่อใครเลย
นายศุภโชติ กล่าวต่อว่า สิ่งที่รัฐบาลควรทำ คือการแก้ไขปัญหาที่โครงสร้าง เป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลพูดมาแล้วหลายครั้ง แต่จำเป็นต้องพูดต่อไปเพราะนี่คือ ผลประโยชน์ของประชาชน ทั้งการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ การแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และที่สำคัญ คือการหยุดเซ็นสัญญาโรงไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนในลาวกว่า 3,000 เมกะวัตต์ ที่เซ็นมาในราคาที่แพงมาก 2.7 บาทต่อหน่วย หรือโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนกว่า 5,000 เมกะวัตต์ ที่ประกาศผลออกมาแล้วว่าเอกชนรายใดได้ไป รวมถึงที่จะมีโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนอีก 3,600 เมกะวัตต์
การเซ็นสัญญากับโรงไฟฟ้าเหล่านี้ ไม่เพียงถูกตั้งคำถามเรื่องความจำเป็น แต่วิธีการที่รัฐใช้ในการรับซื้อ ก็ถูกตั้งคำถามว่าโปร่งใสและเป็นผลดีต่อประชาชนจริงหรือไม่ อัตราที่รับซื้อก็ไม่ใช่ราคาที่ถูกที่สุด เนื่องจากเป็นราคาที่รัฐกำหนดเอง ขณะที่วิธีปกติที่ควรจะใช้คือให้เอกชนทุกรายประมูลเข้ามา คนที่เสนอราคาถูกที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
นายศุภโชติ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ราคาค่าไฟที่นายกฯ พูดนั้น ไม่ตรงกับทั้ง 3 ทางเลือกของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่เคยเสนอก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย ทางเลือกที่ 1 ถ้าต้องการให้ กฟผ. ชำระหนี้ที่แบกอยู่ภายใน 4 เดือน ค่าไฟที่ควรเป็นคือ 5.95 บาทต่อหน่วย ทางเลือกที่ 2 คือให้ กฟผ. จ่ายคืนภาระหนี้ภายใน 1 ปี ค่าไฟเพิ่มขึ้นเป็น 4.93 บาทต่อหน่วย และทางเลือกที่ 3 อนุญาตให้ กฟผ. ยืดระยะเวลาการจ่ายหนี้ออกไปเป็น 2 ปี ค่าไฟจะอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย
“แต่ถ้ารัฐบาลบอกว่าจะกดไว้ที่ 4.10 บาทต่อหน่วย ต้องถามว่า อีกกี่ปีถึงจะใช้หนี้หมด จาก 1 ปี 2 ปี จะกลายเป็น 5 ปี หรือเปล่า นี่คือการเล่นกับอนาคตว่าหนี้จะไม่ใหญ่ขึ้น ทั้งที่แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะต้นทุนค่าไฟจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น” นายศุภโชติ กล่าว
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า บางคนจากฝั่งรัฐบาลบอกว่า ขอให้พรรคก้าวไกลช่วยเอาข้อมูลใหม่ๆ มาพูด การปรับโครงสร้างต้องใช้เวลา สิ่งที่เขากำลังทำคือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เหมือนเป็นการช่วยคนที่กำลังจะจมน้ำ
“แต่ผมขอแย้งตรงนี้ ว่าสิ่งที่เขาทำไม่ใช่การช่วย แต่เป็นการโยนตุ้มไปถ่วงให้หนักขึ้น วันนี้เราเห็นค่าไฟกระโดดจาก 3.99 เป็น 4.68 บาทต่อหน่วย พุ่งขึ้นกว่า 69 สตางค์ แต่ในอนาคตถ้าหนี้ก้อนใหญ่ขึ้น เราอาจจะเห็นค่าไฟเพิ่มขึ้นครั้งละ 1 บาทหรือมากกว่านั้น ประชาชนจะยิ่งรับไม่ไหว” นายศุภโชติ กล่าว
นายศุภโชติ ทิ้งท้ายว่า ดังนั้น การยืดหนี้ออกไปแล้วทำให้หนี้ใหญ่ขึ้น จะเป็นผลเสียมากกว่า สิ่งที่รัฐบาลควรทำทันทีคือหยุดสร้างหนี้ แก้ที่โครงสร้าง วางแผนอนาคต ด้วยการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ แก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หยุดเซ็นสัญญาโรงไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น
ที่มา thairath.co.th
No Comments