ในปี 2566, ผลประกอบการของบริษัทได้ทำกำไรสุทธิ 636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120 ล้านบาท หรือ 23% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ รายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 6,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 445 ล้านบาท หรือ 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 5,604 ล้านบาท บริษัทมุ่งเน้นการเติบโตในปี 2567 ให้เติบโตได้ระดับสองหลัก
ชี้กำลังซื้อในประเทศยังมีความต้องการอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
บริษัทมุ่งหวังให้รายได้รวมขยายตัวในระดับสองหลักในปีนี้ แม้สภาพการซื้อของประเทศอาจไม่ค่อยแจ่มใสมากนัก โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด ซึ่งมีการชะลอในการซื้อมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านี้ บริษัทจะคงราคาสินค้าไว้เท่าเดิม และพัฒนาการผลิตสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการนำสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด เปิดตัวสินค้าใหม่ประมาณ 10 รายการในปีนี้
“ตลาดสแน็คของไทยมีมูลค่าประมาณ 4.30 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัวประมาณ 3% ในปีนี้ ซึ่งตลาดนี้มีการขยายตัวน้อยกว่าตลาดมันฝรั่งที่ไม่เติบโต เนื่องจากผู้นำตลาดไม่เน้นทำตลาดสินค้าในราคา 5-10 บาท ส่วนตลาดที่มีการขยายตัวสูงคือกลุ่มข้าวเกรียบกุ้ง และถั่ว ขนมขึ้นรูปยี่ห้อต่างๆ ในขณะเดียวกัน ตลาดในจังหวัดมักเน้นเลือกซื้อสินค้าในราคา 5-10 บาทเป็นหลัก”
การขยายสู่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “เจเล่ฟิตต์” (Jele Fitt) เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการพัฒนาธุรกิจในปีนี้
บริษัทได้มีการขยายสู่ New S-Curve ธุรกิจใหม่ ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Supplementary) ในรูปแบบเยลลี่รสผลไม้สำหรับแต่ละช่วงวัย
ผลิตภัณฑ์ใหม่ “เจเล่ฟิตต์” ได้ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในแต่ละช่วงอายุ และได้ทำการทดสอบการตลาดในช่วงแรกผ่านช่องทางร้านสะดวกซื้อ
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไทยตลาดมาแรงโต 10%
ตลาดเสริมอาหารในไทยมีมูลค่ากว่า 8.7 ล้านล้านบาทและเติบโตขึ้น 10% ในปี 2566 โดยกลุ่มที่เน้นคุณสุขภาพมีส่วนแบ่งประมาณ 29% หรือประมาณ 25,230 ล้านบาท บริษัทได้ศึกษาข้อมูลลูกค้ามานาน 2 ปีก่อนเปิดตัวสินค้าใหม่ในตลาดนี้
“เป็นครั้งแรกที่บริษัทได้ขยายในตลาดพรีเมี่ยมแมส แต่ชูความแตกต่างเรื่องราคา หากเปรียบเทียบกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ จะมีราคาสูงกว่า ภายใต้วัตถุดิบ และปริมาณสินค้าที่เท่ากัน”
ทั้งนี้ประเมินว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่นี้ จะสร้างยอดขายถึงระดับ 1,000 ล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า สร้างสัดส่วนยอดขายประมาณ 3% ของยอดขายรวมของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมรายได้ของบริษัทในปีที่ผ่านมา คือ 73% มาจากตลาดในประเทศและ 23% มาจากต่างประเทศ โดยแบรนด์หลักคือเจเล่ มีส่วนแบ่งการตลาด 78% และเยลลี่เป็นผู้นำตลาด ตลาดโตขึ้น 20% แต่แบรนด์เติบโตขึ้น 21% สูงกว่าตลาด ส่วนเบนโตะ มีส่วนแบ่งการตลาด 72% เป็นผู้นำตลาด และแบรนด์สร้างการเติบโตขึ้น 5% ส่วนตลาดรวมเติบโต 7%
ที่มา: ครั้งแรก ศรีนานาพรฯ เจ้าตลาดขนมไทย ส่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รุกพรีเมี่ยมแมส (bangkokbiznews.com)
Admin: ทรรศน์
No Comments