พามารู้จักกับ ‘ฮอลลี พลัส’ ศิลปินเอไอที่สามารถเลียนแบบมนุษย์และมีเสียงร้องหลากภาษา

ปัจจุบัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ถูกนำมาใช้ในการสร้างสรรค์เสียงเพลงแบบ “deepfakes” ซึ่งเป็นเพลงที่ฟังดูเหมือนเสียงของศิลปินคนหนึ่งแต่ถูกสร้างขึ้นโดยคอมพิวเตอร์

นี่คือเสียงร้องเพลงในภาษาคาตาลันของฮอลลี่ เฮิร์นดอน ศิลปินคนหนึ่งซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถพูดภาษานี้ได้เลย

เฮิร์นดอนบอกว่า นั่นคือเสียงของเธอเอง เธอไม่ได้เป็นคนที่ร้องเพลงในคลิปนั้น แต่เธอฝึก AI ให้ร้องเพลงเป็นเสียงของเธอ และตอนนี้ AI ก็สามารถร้องเพลงได้มากมายหลายภาษาเลยทีเดียว

เฮิร์นดอนและทีมงานของเธอได้พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ซึ่งเป็นแมชชีนเลิร์นนิ่งต้นแบบที่เลียนแบบเสียงของเธอ ซึ่งสามารถอ่านโน้ตดนตรีได้หลายภาษาและสามารถร้องเพลงได้ทุกช่องเสียง โดยเธอเรียกเทคโนโลยีดิจิทัลที่สร้างจากเสียงของเธอว่า “ฮอลลี พลัส” (Holly+)

เธอกล่าวว่า คนจำนวนมากคิดว่าความฉลาดของ AI นั้นเหมือนมาจากนอกโลก แต่จริง ๆ แล้วมันคือการรวบรวมความฉลาดของมนุษย์เราเอาไว้ และว่าสื่อทุกประเภทที่สามารถเรียนรู้ผ่านคอมพิวเตอร์ สามารถใช้ในการฝึก AI ในการสร้างสรรค์ผลงานในเวอร์ชั่นต่าง ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดได้

นี่คือเสียงของการแสดงแบบ “เรียลไทม์” ในเวอร์ชันของ ฮอลลี พลัส โดยนักร้องที่ชื่อเฟอร์ ซึ่งในขณะที่เขากำลังร้องเพลงอยู่นั้น แมชชีนเลิร์นนิ่งก็จะสร้างเพลงด้วยเสียงของเฮิร์นดอนในเวลาเดียวกัน โดยเขาจะใช้เสียงที่แท้จริงของเขาบนไมโครโฟนตัวหนึ่ง และร้องเป็นเสียงของฮอลลี่ด้วยไมโครโฟนอีกตัวหนึ่ง

วิธีการดังกล่าวแตกต่างจากการสร้างเสียงดนตรีแบบ “deepfakes” ที่เลียนแบบทั้งใบหน้าและเสียงของนักร้องคนอื่น ๆ ซึ่งเฮิร์นดอนมองว่าแมชชีนเลิร์นนิงคือการทำงานร่วมกับกับศิลปินเพื่อสร้างเสียงดนตรีที่ไม่ซ้ำใคร

เฮิร์นดอนกล่าวอีกว่า แม้เทคโนโลยีนี้ดูน่ากลัวสำหรับบางคน และเธอเข้าใจดีว่าทำไมผู้คนถึงมีความหวาดหวั่นในเรื่องนี้ แต่เธอคิดว่าในอนาคต มันอาจเป็นอะไรที่น่าสนุกและมีหลากหลายวิธีที่ศิลปินไม่ต้องรู้สึกเหมือนสูญเสียการควบคุมงานของตน

และในปีนี้ ไกรมส์ ศิลปินชาวแคนาดาได้เปิดตัวซอฟต์แวร์เสียง AI โดยใช้เทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกับ ฮอลลี พลัส เพื่อให้ผู้ชมได้รับประโยชน์และความบันเทิงจากสิ่งที่พวกเขาสร้างสรรค์ขึ้นมา

ในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้น และมีการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในอนาคต การที่จะมี AI พูดได้หลากภาษาคงไม่ใช่เรื่องแปลก

ที่มา: https://www.sanook.com/hitech/1592855/