• 5 October 2024

ปี 2566 ถือเป็นปีที่เกิดความเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมของผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มเดลิเวอรีอย่างเห็นได้ชัดโดยเริ่มเห็นผู้บริโภคใช้ชีวิตนอกบ้านร่วมกับพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มอย่างกันมากขึ้น ด้วยเหตุเเพราะเทคโนโลยีก้าวไกล จึงทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจที่จะใช้เทคโนโลยีกันมากขึ้น เพื่อที่จะทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างก็ปรับตัวและพัฒนาบริการเพื่อให้สามารถตอบรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคต่อไป

จากเหตุนี้เอง Grab จึงได้จัดทำรายงาน ‘เทรนด์การสั่งอาหารและของใช้ในบ้าน ปี 2566’ เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้บริการเดลิเวอรี ทั้งการสั่งอาหารและการซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน พร้อมสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการ Grab ใน 6 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย โดยพบเทรนด์ที่สำคัญในประเทศไทย คือ

  • เทรนด์ Omni-Commerce มาแรง: ผู้บริโภคมีการใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารเพื่อเชื่อมต่อกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ซึ่งสะท้อนผ่าน 2 ฟีเจอร์มาแรง นั่นคือ รับเองที่ร้าน (Self Pick-Up) และกินที่ร้าน (Dine-in) โดยมียอดสั่งซื้อจากทั้งสองฟีเจอร์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 เติบโตขึ้นกว่า 23 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ขณะที่ฟีเจอร์รับเองที่ร้านมียอดใช้บริการในไตรมาส 2 ของปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 140% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ 5 โอกาสที่ผู้ใช้บริการนิยมไปรับประทานอาหารนอกบ้านคือ เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษ รับประทานอาหารกับครอบครัว พบปะเพื่อนฝูง ออกเดต และรับประทานมื้อเที่ยงกับเพื่อนร่วมงาน
  • การสั่งอาหารแบบกลุ่ม (Group Order) ครองใจหนุ่มสาวออฟฟิศ: อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันในปีที่ผ่านมาคือการสั่งอาหารแบบกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่มักใช้ฟีเจอร์นี้สั่งอาหารกลางวันมารับประทานร่วมกันในที่ทำงาน โดยในปีนี้มียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 1.8 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และผู้ใช้บริการมียอดใช้จ่ายต่อออร์เดอร์เพิ่มขึ้นถึง 2.2 เท่า
  • แอปสั่งอาหารกลายเป็นช่องทางสำคัญในการค้นหา (Search): จากผลสำรวจผู้ใช้บริการพบว่า แอปสั่งอาหารถือเป็นช่องทางที่คนไทยนิยมใช้ในการค้นหาร้านอาหารมากที่สุดเป็นอันดับ 1 (71%) สูงกว่าช่องทางโซเชียลมีเดียหรือแม้แต่เว็บไซต์เสิร์ชเอนจิน ขณะที่ 95% ของผู้ใช้บริการ Grab เลือกค้นหาร้านอาหารหรือร้านค้าใหม่ๆ เพื่อทดลองใช้บริการผ่านเมนูเสิร์ชบนแอป Grab
  • เรตติ้งและรีวิว (Rating & Review) มีอิทธิพลต่อการลองร้านใหม่: การได้รับคะแนนเรตติ้งที่ดีและมีรีวิวในเชิงบวกมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางเดลิเวอรีให้กับร้านอาหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเรตติ้งและรีวิวกลายเป็น 1 ใน 3 ปัจจัยหลักที่คนไทยใช้ประกอบการตัดสินใจเมื่อต้องการลองสั่งอาหารจากร้านที่ไม่เคยสั่งมาก่อน เพราะช่วยการันตีความนิยมและสร้างความมั่นใจในด้านรสชาติอาหารและบริการของร้านนั้นๆ
  • แพ็กเกจสมาชิก (Subscription Package) ยังคงได้รับความนิยมและเติบโตต่อเนื่อง: ปัจจุบันผู้ใช้บริการแอปหันมาสมัครแพ็กเกจสมาชิกเพิ่มมากขึ้น เพื่อรับส่วนลดและสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า โดยเฉพาะในกลุ่ม Heavy User หรือผู้ที่มียอดใช้จ่ายสูง โดยผู้ใช้แพ็กเกจสมาชิก GrabUnlimited มียอดใช้จ่ายต่อเดือนเพิ่มขึ้นกว่าปกติถึง 2.6 เท่า และมีความถี่ในการใช้บริการต่อเดือนเพิ่มขึ้นถึง 2.1 เท่า
  • ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจรักษ์โลก (Environmentally Conscious): คนไทยกว่า 36% ยินดีที่จะจ่ายราคาที่สูงขึ้น เพื่อสนับสนุนแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ขณะที่กว่า 97% มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนแบรนด์ที่มีนโยบายการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ใช้บริการ Grab ที่เข้าร่วมกิจกรรมชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset) เพิ่มมากขึ้น 1.7 เท่า ผ่านการบริจาคเงิน 1 บาทในทุกการสั่งอาหารหรือสินค้า เพื่อนำไปใช้ปลูกต้นไม้

นอกจากนี้ Grab ยังได้เผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสั่งอาหารและการสั่งซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันของผู้ใช้บริการในประเทศไทยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โดยพบว่า

พฤติกรรมการสั่งอาหารผ่าน GrabFood มีดังนี้

5 เมนูที่ผู้ใช้บริการนิยมสั่งมากที่สุดตลอดทั้งปีคือ ส้มตำปูปลาร้า กาแฟดำ ชาเขียวเย็น ลาบหมู และชาไทย

  • ส้มตำปูปลาร้ากลายเป็นเมนูสุดฮิตแห่งปี โดยมีออร์เดอร์รวมทั้งปีสูงถึงกว่า 4.4 ล้านจาน  
  • กาแฟยังคงเป็นเครื่องดื่มขายดีตลอดกาล ซึ่งในปีนี้มียอดสั่งรวมทั้งสิ้นมากกว่า 4.6 ล้านแก้ว
  • อาหารวีแกนคือเมนูมาแรงที่สุด โดยมีออร์เดอร์เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

เมนูท้องถิ่นยอดนิยมในแต่ละภาค ประกอบด้วย

  • ภาคเหนือ: ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอยไก่ และไส้อั่ว 
  • ภาคกลาง: กาแฟเย็น คอหมูย่าง และข้าวมันไก่ 
  • ภาคอีสาน: ส้มตำปูปลาร้า ลาบหมู และคอหมูย่าง
  • ภาคใต้: ชาชัก ข้าวหมกไก่ และไก่ทอด   

5 เมนูขายดีในช่วงปีใหม่คือ พิซซ่า หม่าล่า ไก่ทอด แซนด์วิช และเบอร์เกอร์

พฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันผ่าน GrabMart มีดังนี้

5 สินค้ายอดนิยมที่ผู้ใช้บริการสั่งตลอดทั้งปีคือ ไข่ไก่ น้ำดื่ม ผักสด นม และน้ำแข็ง

  • ตลอดปีที่ผ่านมามียอดสั่งไข่ไก่ไปแล้วกว่า 10 ล้านฟอง และน้ำดื่มกว่า 9 ล้านขวด 
  • ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวคือสินค้ามาแรงที่สุด โดยมีออร์เดอร์เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

5 สินค้าขายดีในช่วงปีใหม่คือ กระเช้ารังนก ดอกไม้ เซ็ตผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและเครื่องสำอาง ไอศกรีม และขนมขบเคี้ยว

โดยสรุปแล้วในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมาผู้ใช้งานคนไทยเป็นจำนวนมากที่หันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการสั่งเครื่องใช้ อาหาร และเครื่องดื่ม เพื่อบริโภคกันมากขึ้น เนื่องจากความสะดวกสบาย ความเร่งรีบของชีวิต การใช้งานหรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์จึงช่วยตอบโจทย์ผู้บริโภค นอกจากนี้ยังได้ได้ข้อสรุปว่า “ไม่ว่าจะอย่างไร คนไทยก็ชอบกินของแซ่บ อย่างส้มตำปูปลาร้า”

ที่มา : https://thestandard.co/grab-thailand-trends-2566/

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *