• 11 October 2024

ธ.ก.ส.คาดแนวโน้มดอกเบี้ยเงินกู้ปรับลด หนุนต้นทุนเกษตรกรต่ำ

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า การประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้จะไปตามแนวโน้มของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไทยลดลง ธ.ก.ส. ก็จะปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงเพื่อผลประโยชน์ของเกษตรกร ส่วนผู้ฝากเงินจะได้รับดอกเบี้ยตามภาวะตลาดที่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในระบบการเงินอย่างถูกต้องและสมเหตุสมผล

เราเห็นว่า ตามหลักการของเฟดและกนง. อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปีนี้ น่าจะคงที่หรือลดลง หากมีการลดนั้น เราจะต้องลดดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อประโยชน์ของเกษตรรายย่อย ผู้ฝากก็จะได้รับดอกเบี้ยตามภาวะตลาดเช่นเดียวกับปกติ การบริหารจัดการต้นทุนจะต้องสอดคล้องกับทิศทางตลาดอย่างเหมาะสม

สำหรับสถานการณ์เงินฝาก ก่อนหน้านี้เราได้เพิ่มการระดมเงินฝากระยะสั้นและออกสลากออมทรัพย์เพิ่มขึ้น เพื่อรักษาความคล่องของธนาคารให้สามารถจัดการได้ เรายังเห็นว่าต้นทุนการระดมเงินจะเพิ่มขึ้นตามภาวะตลาด และสัดส่วนของสลากในพอร์ตเงินฝากก็ได้เพิ่มสูงขึ้น เริ่มต้นที่ประมาณ 20% และใกล้เต็มเพดานที่ธนาคารสามารถดำเนินการได้

เมื่อถามว่าในภาวะที่ดอกเบี้ยเงินฝากสูง เราไม่รอให้ดอกเบี้ยนโยบายลงก่อนระดมเงินฝาก เหตุผลก็เพราะการรักษาความคล่องของธนาคารเพื่อรองรับธุรกิจ และรักษาฐานลูกค้าเดิม เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินไปยังธนาคารอื่น การเพิ่มการออกสลากเป็นการแปลงรูปแบบการฝากเงิน ซึ่งธนาคารยังคงมุ่งเน้นเงินฝากในระดับเดิม

ในไตรมาสที่ 3 ของปีบัญชี ยอดเงินฝากสะสมอยู่ที่ 1.82 ล้านล้านบาท และมียอดสินทรัพย์จำนวน 2.24 ล้านล้านบาท โดยจ่ายสินเชื่อไปแล้วในปีนี้ถึง 6.14 แสนล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้างที่ 1.66 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากต้นปีอย่างมาก คิดเป็น 78.97% ของเป้าหมาย ส่วนหนี้เสียอยู่ที่ 5.43%

สำหรับความคืบหน้าของโครงการพักชำระหนี้ ณ วันที่ 18 ก.พ. ลูกค้ามีสิทธิ์ทั้งหมด 2.1 ล้านรายและมีการแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวน 1.8 ล้านราย หรือประมาณ 66.62% ซึ่งมีข้อตกลงต่อท้ายพักหนี้แล้วเป็นจำนวน 1.14 ล้านรายหรือประมาณ 64.90% ของจำนวนที่แสดงความประสงค์ เหลืออีกประมาณ 6.17 แสนรายหรือ 35.10%

โครงการนี้ต้องการให้รัฐบาลเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยแทนเกษตรกรผู้กู้ แม้ว่าเงินต้นอาจจะไม่ต้องจ่ายก็ได้ แต่ควรจ่ายเพื่อป้องกันการถูกตัดเงินต้นทั้งหมดเมื่อมีดอกเบี้ยค้างก่อนเข้าโครงการ หากโครงการเสร็จสิ้น จะลดจำนวนเงินต้นกู้ลง แต่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะมีการชำระต้นเงินเท่าไหร่

เมื่อครบระยะเวลา 1 ปีของโครงการ ธนาคารจะรีวิวการชำระหนี้ของลูกค้าในโครงการ เพื่อประเมินว่าลูกค้าสามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ หากสามารถชำระได้ ธนาคารจะเชิญชวนให้ชำระหนี้เพื่อตัดเงินต้น ในช่วงนี้ ธนาคารเริ่มดำเนินโครงการฟื้นฟูอาชีพให้แก่ลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ คาดหวังว่าเมื่อโครงการสิ้นสุดลูกค้าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 15%

รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะให้ธนาคารเข้าไปฟื้นฟูอาชีพของลูกค้าในโครงการประมาณ 3 แสนรายต่อปีหรือ 9 แสนรายใน 3 ปี โดยสนับสนุนงบประมาณให้ปีละ 1 พันล้านบาทหรือประมาณ 3 พันบาทต่อราย ไม่ได้คาดหวังว่าเกษตรกรจะต้องเปลี่ยนแปลงอาชีพ แต่เพียงแค่เพิ่มรายได้ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการอย่างน้อย 15% ก็ถือว่าดีแล้ว

ที่มา : ธ.ก.ส.คาดแนวโน้มดอกเบี้ยเงินกู้ปรับลด หนุนต้นทุนเกษตรกรต่ำ (bangkokbiznews.com)

Admin : ทรรศน์

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *